“พระสมเด็จวัดเกศไชโย” นับเป็นอีก “พระสมเด็จ” ที่วงการพระเครื่องยอมรับว่าสร้างขึ้นโดย “สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี” อดีตเจ้าอาวาส “วัดระฆัง” ผู้เป็น “อมตะเถระ” แห่ง กรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อปีใดไม่มีหลักฐานแน่ชัดแต่ที่ “ยอมรับ” ก็เพราะมีปรากฏใน “จดหมายเหตุ” (คัดลอกจากหนังสือเบญจภาคีโดย วิวัฒน์ อุดมกัลยารักษ์) เมื่อครั้ง “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” รัชกาลที่ ๕ เสด็จประพาสมณฑลอยุธยา ปี พ.ศ. ๒๔๑๖ ครั้งนั้นได้เสด็จฯ ทอดพระเนตร “พระพุทธรูปองค์ใหญ่” ปางประทับนั่งที่ “สมเด็จโต” สร้างขึ้นด้วยการก่ออิฐถือปูนขาวประดิษฐานอยู่ ณ วัดไชโยวรวิหาร ครั้นทอดพระเนตรแล้วทรงมีพระราชดำรัสว่า “...พระใหญ่ที่สมเด็จโตสร้างนี้ หน้าตารูปร่างไม่งามเลย ดูที่หน้าวัดปากเหมือนสมเด็จโตไม่มีผิด ถือปูนขาวไม่ได้ปิดทอง ทำนองท่านไม่คิดจะปิดทอง...”
ซึ่งหลังจากทรงทอดพระเนตรแล้วต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๓๐ ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ “พระยารัตนบดินทร์” (บุญรอด) เป็นแม่กองงานปฏิสังขรณ์วัดไชโยฯ ขึ้นใหม่ซึ่งการปฏิสังขรณ์ครั้งนั้นได้มีการสร้าง “พระวิหาร” เพื่อครอบพระพุทธรูปองค์ใหญ่ไม่ให้ตากแดดตากฝนอีกด้วย ซึ่งการก่อสร้างพระวิหารต้องมีการ กระทุ้งดินเพื่อฝังรากฐาน (เสาเข็ม) ให้มั่นคงแข็งแรงเป็นเหตุให้พระพุทธรูปองค์ใหญ่ สั่นสะเทือนและพังทลายลงจึงได้พบพระพิมพ์เนื้อผงขาวรูปทรง “สี่เหลี่ยมผืนผ้า” จำนวนมากถูกบรรจุไว้ในองค์พระพุทธรูปโดยพระพิมพ์ที่พบนี้ก็คือ “พระสมเด็จวัดเกศไชโย” ที่ “สมเด็จโต” สร้างขึ้นขณะเป็นเจ้าอาวาสครอง “วัดระฆังโฆษิตาราม” และได้ไปสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่พังทลายลงซึ่งต่อมา “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใหม่ด้วยเนื้อโลหะพร้อมทรงถวายพระนามว่า “พระมหาพุทธพิมพ์” มาตราบปัจจุบัน
ส่วนมูลเหตุที่ “สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี” ไปทำการสร้าง “วัดไชโยฯ” และ “พระพุทธรูปองค์ใหญ่” พร้อมสร้าง “พระสมเด็จวัดเกศไชโย” บรรจุไว้นั้นตามบันทึกของ “พระยาทิพโกษา” (สอน โลหะนันทน์) และ “นายกนก สัชฌุกร” ที่บันทึกจากการบอกเล่าของ “พระธรรมถาวร จันทโชติ” เมื่อครั้งยังเป็น “สามเณร” ที่ทำการช่วย “สมเด็จโต” ตำผงสำหรับสร้างพระก็เพื่อนอกจากเป็นพุทธบูชาแด่ มารดา ของท่านที่ชื่อ “เกศ” แล้วยังเพื่อเป็นอนุสรณ์จากกรณีที่ท่านไปเติบโตและ “นั่ง” ได้ที่ จังหวัดอ่างทอง นั่นเอง
ทางด้านพุทธลักษณะของ “พระสมเด็จวัดเกศไชโย” ส่วนใหญ่จะคล้ายกับ “พระสมเด็จวัดระฆัง” และ “พระสมเด็จวัดบางขุนพรหม” คือมีรูปทรงแบบ “สี่เหลี่ยมผืนผ้า” และสร้างด้วย “เนื้อผงปูนขาว” เป็นมวลสารหลักจะผิดแผกแตกต่างกันก็ตรง “พิมพ์ทรง” คือ “พระสมเด็จวัดเกศไชโย” มีทั้งพิมพ์ “๗ ชั้น, ๖ ชั้น, ๕ ชั้น” และ “๓ ชั้น” ซึ่งในอดีตนักสะสมจะให้ความนิยมเฉพาะ “พิมพ์ ๗ ชั้น” และ “พิมพ์ ๖ ชั้น” เท่านั้นเนื่องจากในอดีต “พิมพ์ ๕ ชั้น” และ “พิมพ์ ๓ ชั้น” ยังไม่เป็นที่ยอมรับจึงเรียกว่า “พระนอกพิมพ์” แต่ปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นพิมพ์ไหนนักสะสมก็นิยมกันแล้วซึ่งฉบับวันเสาร์หน้าจะนำ “พิมพ์ ๗ ชั้น” ซึ่งเป็นพิมพ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดมา “ชี้จุดสังเกต” เพื่อการเรียนรู้ให้ถ่องแท้เนื่องจากปัจจุบันองค์ใดที่มีความสวยสมบูรณ์แล้วค่านิยมล้วนทะลุหลักล้านเช่นกัน.(ภาพประกอบจากหนังสือเบญจภาคี)
พุทธธัสสะ
|