การชี้จุดสังเกต “พระสมเด็จวัดบางขุนพรหมพิมพ์ใหญ่” ที่มีทั้งหมด “๗ แม่พิมพ์” ก็ผ่านไปแล้ว ผู้เขียนจึงขอนำ “พระสมเด็จวัดบางขุนพรหมพิมพ์เส้นด้าย” ที่ผู้รู้ได้ระบุไว้ว่ามีทั้งหมด “๗ แม่พิมพ์” เช่นกันมาเสนอต่อเพื่อท่านผู้อ่าน “อ่านความจริง...อ่านเดลินิวส์” จะได้แยกแยะถูกต้องพร้อม มีความถ่องแท้ ในการสะสม เนื่องจากพระพิมพ์ที่มีรูปทรง “สี่เหลี่ยมผืนผ้า” หรือ “ชิ้นฟัก” ตระกูล “พระสมเด็จ” และรังสรรค์โดยสุดยอดเกจิอาจารย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ที่มีนามว่า “สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี” นี้มีคุณค่าและ ราคาสูงยิ่งอีกทั้งแต่ละพิมพ์ก็มี “หลายแม่พิมพ์” จึงควรศึกษาให้กระจ่างจะได้มีกำไรต่อการสะสม
ดังนั้นวันนี้จึงขอนำ “พระสมเด็จวัดบางขุนพรหมพิมพ์เส้นด้าย” ที่แม้จะเป็นพิมพ์ที่มีความนิยมรองลงมาจาก “พิมพ์ใหญ่” แต่หากเป็นองค์ที่ “สวยสมบูรณ์” โดยไม่หักไม่ซ่อมและไม่อุดแล้วคุณค่าราคา ก็แทบจะไม่แพ้พิมพ์ใหญ่เลยเพราะต้องใช้เงินเป็น “ล้าน ๆ บาท” เช่นกันจึงมีสิทธิได้ครอบครอง โดยวันนี้ขอนำพิมพ์ที่เรียกว่า “พิมพ์แขนบ่วง” มาชี้จุดสังเกตก่อนพิมพ์อื่น ๆ เพราะเป็นพิมพ์ที่มีเอกลักษณ์“เฉพาะตัว” ซึ่งก็คือการสร้างสรรค์แม่พิมพ์ของนายช่างทำการแกะแม่พิมพ์ ได้แผ่วบางเบาที่กูรูพระเครื่องบางท่านระบุว่าเป็นการแกะแม่พิมพ์ที่คลาสสิกดีมาก เนื่องจากเส้นสายต่าง ๆ ขององค์พระมีลักษณะเป็นเส้นเรียวบาง ที่มีความสวยงามไปอีกแบบแล้วยังมีพุทธลักษณะที่ไม่เหมือนพิมพ์อื่น ๆ อีกด้วยที่พอจะชี้จุดสังเกตได้ดังนี้
๑. ขอบพระทั้งสี่ด้าน มีลักษณะเช่นเดียวกันกับ “พระสมเด็จวัดระฆัง” คือในองค์ที่ติดชัดหรือในองค์ที่ผ่านการสัมผัสไม่มาก จะปรากฏเส้นนูนแผ่ว ๆ ปรากฏทั้งสี่ด้านที่เกิดจากการตัดแม่พิมพ์ แล้วทำให้มีเนื้อปลิ้นออกมานั่นเอง
๒. เส้นซุ้มครอบแก้ว ลักษณะคล้ายหวายผ่าซีกแต่จะเรียวเล็กกว่าพิมพ์ใหญ่เล็กน้อย และส่วนโค้งของเส้นซุ้มด้านบนพระเกศจะมีรูปทรงที่ตั้งตรง ส่วน “พระเกศ” จะมีลักษณะเป็นเส้นเรียวบางไปจดเส้นซุ้มโดยเอียงไปทางด้านซ้ายมือองค์พระเล็กน้อยเท่านั้น
๓. “พระพักตร์” ก็มีลักษณะคล้ายผลมะตูมเพียง แต่มีขนาดที่เล็กกว่า “พิมพ์ใหญ่” และไม่ปรากฏ “พระกรรณ” (หู) หรือ “เส้นพระศอ” (คอ) แต่ก็รับ กับ “พระอุระ” (อก) และ “ลำพระองค์” (ลำตัว) ที่มีลักษณะค่อนข้างกว้างและยาวแบบทรงกระบอก
๔. “พระกร” (แขน) ทั้งสองข้างมีลักษณะเป็นเส้นเรียวบางกางออกเล็กน้อยจึงทำให้บริเวณ “พระกัประ” (ศอก) มีการหักมุมเล็กน้อยในลักษณะแขนบ่วงจึงเป็นที่มาของการเรียกว่า “พิมพ์แขนบ่วง”
๕. “พระเพลา” (ตัก) มีลักษณะเป็นเส้นเรียวเล็กบางและยาวโดย “พระชานุ” (เข่า) ด้านซ้ายองค์พระมีลักษณะเป็นเนื้อนูนสูงกว่าด้านขวาที่ไม่ปรากฏมีเนื้อนูนใด ๆ
๖. “ฐาน ๓ ชั้น” ชั้นบนสุดมีลักษณะเป็นเส้นเรียวเล็กบางยาวกว่าพระเพลาเล็กน้อย ส่วนฐานชั้นกลางก็มีลักษณะเป็นเส้นเรียวเล็กบางยาว โดยที่หัวฐานไม่เป็นฐานสิงห์อย่างพระพิมพ์ใหญ่ และฐานชั้นล่างสุดมีลักษณะคล้ายฐานคู่เพียงแต่ร่องตรงกลางตื้นจนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน.
'พุทธธัสสะ'
|