ลุงสมพงษ์เล่าว่า คนที่จะจารตะกรุดต้องมีสมาธิแน่วแน่จิตต้องนิ่งก่อนจารต้องแขวนประคำ 108 เม็ด ท่องคาถา 108 จบ 108 คาบอย่างน้อย 3 วัน ถึงจะออกมาจารตะกรุดของหลวงพ่อทบได้ ไม่ใช่ใครจะมาจารก็ได้.....นอกจากจารเสร็จแล้วก็จะมาถึงขั้นตอนการม้วน ต้องกำกับคาถาอีก คาถาม้วนตะกรุดต้องท่องบทนี้ตลอดเวลาการม้วนตะกรุด โอมพระพิรอด ขอดพระพินัย อุดถัง อุดโท โทอุดทังอุด ว่าไปเรื่อจนกว่าจะม้วนเสร็จ....จากนั้นคนที่พันเชือกก็จะพันก่อนนำเข้าพิธีปลุกเสก....จะมีการลองยิงก่อนเพื่อทดสอบว่าคนจาร์จิตนิ่งแค่ไหน ถ้าดอกไหนคนจารจิตไม่นิ่งโดนปืนขาดครึ่งเลย ดอกไหนที่ยิงไม่ออกจะนำมาให้หลวงพ่อทบปลุกเสกบรรจุพลังอีกครังเพื่อสัมทับความขลังอีกครั้งอีกครัง ก่อนให้ประชาชนบูชา......หลวงพ่อทบท่านเคยพูดว่า ตะกรุดจะดีหรือไม่ อยู่ที่การจาร์ลงอักขระเป็นสำคัญ คนจารจิตนิ่งจาร์ไม่ขาด ตะกรุดจะมีพลังตั้งแต่ตอนนั้นแล้วการปลุกเสกเป็นการกำกับสัมทับพุทธคุณเสริมเท่านั้น....และยังมีตะกรุดแบบพิเศษที่เชือกพันชุบน้ำมันงาขาว....หลวงพ่อทบเคยบอกลุงสมพงษ์ว่า ใช้งาขาวมาตำเอาน้ำในจะได้ของขลัง...การใช้น้ำมันงาขาวต้องมีพิธีต้องใช้สาวพรหมจรรย์ หรือหญิงที่ใกล้หมดประจำเดือนเทม่านั้น เป็นตำและกลั่นเอาน้ำมันงาขาว จึงจะศักดิ์สิทธิ์ ระหวางการตำและบีบเอาน้ำมันจะมีการบริกรรมคาถาไปด้วย หลังจากได้น้ำมัยงาขาวมาแล้วก็จะเอามาทำเป็นน้ำพุทธมนต์ และปลุกเสกก่อน มีครั้งหนึ่งกรรมการวัดชนแดน เอาน้ำมันงาขาวที่ทำเสร็จแล้วไปทาที่ตัวไก่ แล้วเอาปืนยิง ปรากฏว่ายิงยังไงก็ไม่ออก ต่อมาเลยมีการเอาเชือกพันตะกรุดมาแช่น้ำมันงาขาวก่อนพันที่ตะกรุด เคยเห็นครับแต่ไม่บ่อยนัก
........อาจาร์วีรวัฒน์ ถามต่อว่า วัตถุมงคลของหลวงพ่อทบอย่างไหนดีที่สุด ลุงสมพงษ์บอกว่า ดีทุกอย่างหลวงพ่อทบสำเร็จกสิณไฟ สั่งไฟให้ติด ให้ดับได้ ครั้งหนึ่งที่วัดตาลหล่มเก่างานพุทธาภิเษกพระชุดหลวงพ่อใหญ่วัดตาล หลวงพ่อทบท่านก็แสดงให้ดเห็นถึงกสิณไฟ ใช้จิตสั่งให้ไฟฟ้าดับทั่งงานก่อนหลวงพ่อทบจะขึ้นธรรมาส แต่ถ้าเอาดีทางเมตตาต้องสีผึ้งของท่าน และการใช้สีผึ้งของท่าน ต้องใช้ให้เป็น ลุงสมพงษ์บอกว่า การใช้สีผึ้งทาปาก ต้องทาอย่าข้ามคลอง หมายถึงทาอย่าข้ามร่องจมูก ให้เริ่มจากฝั่งซ้ายจากขอบร่องจมูกทาไปอย่ายกจนไปชนขอบจมูกอีกด้านหนึ่ง โอยไม่ให้ข้ามร่องจมูก ถ้าข้ามจะไม่เกิดผล เวลาทาสีผึ้งให้ท่องคาถากำกับว่า อุเมตตายะ ท่องจะกว่าจะทาครบ 3 รอบ ให้ทาจากซ้ายไปขวา หรือขาวไปซ้ายก็ได้ แต่ต้องให้ทาเป็นทางเดียวกัน ซ้ายก็ซ้าย ขวาก็ขวา.......
....ทีมงานและลุงสมพงษ์ถ่ายรูปร่วมกัน... ตำราพระคาถาในการจาร์ตะกรุดที่สมาชิกได้ชมนี้เป็นสมบัติของคุณลุงสมพงษ์ได้รับมาจากหลวงพ่อทบ ก่อนท่านสึกลาสิกขาบท ตำราชุดนี้หลวงพ่อทบท่านใช้ในการจารและสร้างตะกรุดมาตลอดเช่นกัน นับเป็นตำราเก่าโบราณที่เขียนด้วยมือทั้งเล่มพร้อมคาถากำกับเป็นเอกสารหลักฐานที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาครับ ....นี้คือคำพูดที่ออกมาจากปากคุณลุงสมพงษ์ ผมและอาจารย์วีรวัฒน์ ยืนยันได้แน่นอน.....ตะกรุดหลวงพ่อทบดอกนี้เป็นตะกรุดโทน ลายพันมาตรฐานเชือกป่าน ทารัก เข้ม สุดยอดมหสอุตม์ ยุคต้น..
ตะกรุด 3 กษัตริย์
ยาว 3.5 นิ้ว มาตรฐาน ลายพันมาตรฐาน...หายากมากครับ เพิ่งเจอเป็นดอกที่ 3 ครับ เชือกป่านแท้ แห้ง ขึ้นคาย เข้ม ขลัง สุดคลาสิก ลงรักดำโลหะ ทองแดง อลูมิเนียม ทองเหลือง ตะกรุดแบบนี้เป็นการม้วนพร้อมกันทั้ง 3 แผ่น เก็บหัวแบบทุบมาตรฐาน จบด้วยเอกลักษณ์ ดอกนี้เป็นตะกรุดยุคต้น ตะกรุดหลวงพ่อทบสร้างยาก....กว่าจะได้ตะกรุดแต่ละดอกนั้นไม่ง่าย....การเรียกสูตรลงอักขระนั้น การจารโลหะแต่ละตัวนั้นต้องเพ่งสมาธิรวมเป็นจุดเดียวที่ตัวอักขระ.....กำกับด้วยยันตัง สันเต วิกรึงกะเร...แล้วภาวนาหัวใจของพระคาถาของยันต์นั้นๆเมื่อจารเสร็จ จะปลุกด้วยคาถาหัวใจของแต่ละยันต์ ตามด้วยพระคาถาพระพทธคุณ พระธรรมคุณและพระสังฆคุณ...จากนั้นก็จะทำการม้วนจะมีการกำกับคาถาตลอดจนการม้วนจบสิ้น....แล้วเข้าสู่ขั้นตอนพันเชือก คาถาม้วนตะกรุดต้องท่องบทนี้ตลอดเวลาการม้วนตะกรุด โอมพระพิรอด ขอดพระพินัย อุดถัง อุดโท โทอุดทังอุด ว่าไปเรื่อจนกว่าจะม้วนเสร็จ....จากนั้นคนที่พันเชือกก็จะพันก่อนนำเข้าพิธีปลุกเสก....จะมีการลองยิงก่อนเพื่อทดสอบว่าคนจาร์จิตนิ่งแค่ไหน ถ้าดอกไหนคนจารจิตไม่นิ่งโดนปืนขาดครึ่งเลย ดอกไหนที่ยิงไม่ออกจะนำมาให้หลวงพ่อทบปลุกเสกบรรจุพลังอีกครังเพื่อสัมทับความขลังอีกครั้งอีกครัง ก่อนให้ประชาชนบูชา......หลวงพ่อทบท่านเคยพูดว่า ตะกรุดจะดีหรือไม่ อยู่ที่การจาร์ลงอักขระเป็นสำคัญ คนจารจิตนิ่งจาร์ไม่ขาด ตะกรุดจะมีพลังตั้งแต่ตอนนั้นแล้วการปลุกเสกเป็นการกำกับสัมทับพุทธคุณเสริมเท่านั้น....ตะกรุดหลวงพ่อทบ 1 ดอก ต้องผ่านวิธีการแบบนี้ครับ เอากันจริงๆไม่ใช่ง่ายๆ กว่าหลวงพ่อทบท่านจะสร้างตะกรุดออกมาแต่ละดอกไม่ง่าย สมกับพลังพุทธาคมที่ประจักษ์ ไม่รู้อย่ากล่าวหาว่าตะกรุดของหลวงพ่อทบที่ท่านสร้างไว้ไม่ดีบ้าง เก๊บาง ท่านไม่ได้สร้างบ้าง...น่าเสียดายครับ ...ตะกรุดหลวงพ่อทบยุคต้น ท่านจารเอง หายห่วงเรื่องพุทธคุณ ยุคหลังๆมา ถ้าดอกไหนที่หลวงพ่อทบท่านไม่ได้จารเอง จะลองยิงก่อน ถ้าไม่ออก หลวงพ่อทบ จึงจะปลุกเสกสำทับให้ อีกครั้ง เรื่องนี้ คุณลุงสมพงษ์ อดีตพระเรขาหลวงพ่อทบ ท่านเล่าให้ผมหัง เมื่อครั้งไปสัมภาษณ์ท่านที่บ้านพัก ข้อมูลเชื่อถือได้ เรื่องพุทธคุณในตะกรุดหลวงพ่อทบจึงมีผู้กล่าวขารกันมานานจวบจนปัจจุบัน หลวงพ่อทบท่านมรณะภาพมานานกว่า 30 ปี พุทธคุณไม่เสื่อมคลาย จงมั่นใจเถอะว่า ท่านมีตะกรุดหลวงพ่อทบบูชาติดตัว แคล้วคลาดปลอดภัยแน่นอน
ตะกรุดพอกครั่งหลวงพ่อทบ 3 กษัตริย์
ตะกรุดพอกครั่งหลวงพ่อทบ เริ่มสร้างตั้งแต่ยุคต้น ก่อนปี 2500 มีการสร้าง เพียวไม่กีครั้งเท่านั้น เพราะการสร้างตะกรุดพอกครั้งนั้นสร้างยากมาก คั้นตอนการเตรียมก็ยุ่งยาก จึงนิยมลงรัก ทารัก มากกว่า ตะกรุดผิดครั้งหลวงพ่อทบ สร้างน้อยมาก เป็นการสร้างฉะเพาะกาลเท่านั้น และเป็นเดคล็ดทางมหาอุตม์ โดยเฉพาะ ตะกรุดพอกครั้งหายากกว่าตะกรุดธงชาติ จะมีการสร้างหลายขนาด ทั้งยาว และสั้น พันหนา และบาง ส่วนใหญ่ตะกรุดพอกครั่งของหลวงพ่อทบ เท่าที่พบ จะเป็นตะกรุด 3 กษัตริย์ เสียเป็นส่วนใหญ่ ตะกรุด 3 กษัตริย์ หลวงพ่อทบ มีพุทธคุณเด่นมาก ในด้าน มหาอุตม์ แคล้วคลาด เป็นเลิศ ตะกรุดแบบนี้เป็นการม้วนพร้อมกันทั้ง 3 แผ่น เก็บหัวแบบทุบมาตรฐาน จบด้วยเอกลักษณ์ ดอกนี้เป็นตะกรุดยุคต้น ตะกรุดหลวงพ่อทบสร้างยาก....กว่าจะได้ตะกรุดแต่ละดอกนั้นไม่ง่าย....การเรียกสูตรลงอักขระนั้น การจารโลหะแต่ละตัวนั้นต้องเพ่งสมาธิรวมเป็นจุดเดียวที่ตัวอักขระ.....กำกับด้วยยันตัง สันเต วิกรึงกะเร...แล้วภาวนาหัวใจของพระคาถาของยันต์นั้นๆเมื่อจารเสร็จ จะปลุกด้วยคาถาหัวใจของแต่ละยันต์ ตามด้วยพระคาถาพระพทธคุณ พระธรรมคุณและพระสังฆคุณ...จากนั้นก็จะทำการม้วนจะมีการกำกับคาถาตลอดจนการม้วนจบสิ้น....แล้วเข้าสู่ขั้นตอนพันเชือก คาถาม้วนตะกรุดต้องท่องบทนี้ตลอดเวลาการม้วนตะกรุด โอมพระพิรอด ขอดพระพินัย อุดถัง อุดโท โทอุดทังอุด ว่าไปเรื่อจนกว่าจะม้วนเสร็จ....จากนั้นก็จะมาถึงขั้นตอยการหุ่งครั่ง... *** ครั่ง คือ ยางหรือชันชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นสารที่ขับถ่ายออกจากตัวแมลงครั่ง แมลงครั่งจะอาศัยอยู่ตามกิ่งไม้ที่ใช้เลี้ยงครั่ง และใช้ปากซึ่งมีลักษณะเป็นปากดูดเจาะเข้าไปในกิ่งของต้นไม้เพื่อดูดน้ำ เลี้ยงมาเป็นอาหารและขับถ่ายครั่ง ออกมาจากภายในตัวครั่งตลอดเวลาเพื่อห่อหุ้มตัวเป็นเกราะป้องกันอันตรายจาก สิ่งภายนอก มีลักษณะ นิ่มเหนียวสีเหลืองทอง เมื่อถูกอากาศนานเข้าจะแข็งและมีสีน้ำตาล ครั่งที่เก็บได้จากต้นไม้เรียกว่า ครั่งดิบ ซึ่งมีส่วนประกอบที่สำคัญ คือ เรซิน ขี้ผึ้ง สี ซาก ตัวครั่ง และสารอื่น ๆ ส่วนที่ใช้เป็นประ โยชน์ในทางอุตสาหกรรมคือ สีครั่ง และเนื้อครั่ง..... ตะกรุดพอกครั่งหลวงพ่อทบดอกนี้เป็นตะกรุด 3 กษัตริย์ ยาว 5 นิ้วมาตรฐาน ลายพันมาตรฐานเชือกป่าน พอกด้วยครั่งดิบ หลวงพ่อทบท่านจะใช้ครั่งดิบที่ได้มา ใส่ถุงผ้า แล้วอังด้วยความร้อนจากไอน้ำ....น้ำยางจากครั่งจะซึมออกมาผ่านถุงผ้า ต้อนนั้น จะมีการว่ากำกับพระคาถาสำทับ เพื่อให้ครั่งมีพลังพุทธคุณ เรียกว่าการหุ่งครั่ง....เมื่อยางครั่งไหลผ่านออกมาจากถุงผ้า ก็จะใช้ไม่ตอกปาดน้ำยาวครั่ง มาทาที่ตัวตะกรุด....สังเกตุได้ว่า ตะกรุดที่พอกครั้ง จะมีหนา มีบาง ไม่เท่ากัน ในตัวตะกรุด แบบนี้เรียกว่าธรรมชาติ ของตะกรุดผอกครั่งแท้แบบโบราณ สมัยใหม่ จะใช้ครั่งแผ่น ( ครั่งสังเคาระห์) และทำให้ครั่งเกิดความร้อน นิ่มคล้ายเทียนแล้วหุ้มที่ตะกรุดเลย ตะกรุดแบบนี้ครั่งจะหนา และครั่งจะมีสีดำ จะไม่แดงธรรมชาติเหมือนครั่งสดเช่นดอกนี้ ตะกรุดคอกนี้เป็นตะกรุดเดิม เชือกด้านนอกจะเป็นการพันทับไว้เฉยๆ ไม่ได้เกิดจากการชำรุด ตะกรุดดอกนี้สมบูรณฺมาก เก่าจัด การเก็บหัวแบบทุก พันไว้หัว เอกลักษณ์ยุคต้น หายากมาก ตะกรุดพอกครั่งหลวงพ่อทบ หายากมาก ไม่พบเห็นเลยในปัจจุบัน สร้างน้อยนั้นเอง ปัจจุบันเป็นตะกรุดในตำนานไปแล้วครับ นี้คือที่สุดของตะกรุดพอกครั่ง ของหลวงพ่อทบ ที่หายาก และสุดยอดพุทธคุณ อีกดอกครับ ติชมได้เต็มที่ครับ.... ตะกรุดพอกครั่งเป็นตะกรุดในตำนานที่มีคนกล่าวถึงกันมาก แต่หาชมตะกรุดแท้ๆได้ยากยิ่ง
|