สำหรับ “พระสมเด็จอรหังพิมพ์ฐานคู่” เป็นอีกพิมพ์ของพระสมเด็จ “เนื้อผงวิเศษ” ที่รังสรรค์ขึ้นโดย “สมเด็จพระสังฆราช” (สุก ไก่เถื่อน) แต่ความนิยมเป็นรอง “พิมพ์ฐานสามชั้น” และมีสองสีเฉกเช่น “พิมพ์ฐานสามชั้น” ทุกประการคือ “ขาว” และ “แดง” ด้านเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ “พิมพ์ฐานคู่” นี้ก็คือเป็นพิมพ์ที่มีฐานเป็นแบบ “คู่” นักสะสมจึงบัญญัติชื่อเรียกว่า “พิมพ์ฐานคู่” ไปตามองค์พระที่มี “ฐานคู่” อีกทั้งเป็นพระสมเด็จเนื้อผงที่ไม่มีการ “ตัดขอบ” อย่างเช่น “พระสมเด็จวัดระฆัง” และ “พระสมเด็จวัดบางขุนพรหม” อีกด้วย
และจากที่พระสมเด็จอรหัง “พิมพ์ฐานสามชั้น” และ “พิมพ์ฐานคู่” นี้มีสองสีดังกล่าวข้างต้นดังนั้นการชี้จุดสังเกตในที่นี้จึงขอนำเฉพาะ “สีขาว” มาทำการชี้จุดสังเกตโดยงดการชี้จุดสังเกต “สีแดง” เนื่องจากจะเป็นการซ้ำซากซ้ำซ้อนทั้งนี้เพราะเอกลักษณ์ของ พระทั้งสองพิมพ์และสองสีนี้เหมือนกันทุกประการนั่นเอง
ปัจจุบัน “พระสมเด็จอรหัง” ไม่ว่าพิมพ์ไหนก็พบเห็นได้ยากแล้วเนื่องจาก (ความเข้าใจของผู้เขียน) สร้างไว้น้อยเพราะสมัยที่มีการสร้างขึ้นนั้น วงการการสะสมพระเครื่องยังไม่แพร่หลาย “สมเด็จพระสังฆราช” (สุก ไก่เถื่อน) จึงสร้างขึ้นเพื่อสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา ตามคติความเชื่อของผู้คนสมัยโบราณประกอบกับผู้ที่มีครอบครอง ได้ทำสูญหายไปบ้างหรือหากมีการนำพกพาติดตัวแล้ว องค์พระแตกหักไปบ้างด้วยเหตุนี้จึงทำให้องค์พระ (เฉพาะที่แท้และสมบูรณ์) เหลือน้อยทำให้องค์พระไม่มีการหมุนเวียน และซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนในตลาดนักสะสมรุ่นใหม่จึงแทบไม่รู้จัก ความนิยมจึงเป็นรองพระสมเด็จที่รังสรรค์ขึ้นโดย “สมเด็จพระพุฒาจารย์” (โต พรหมรังสี) ไปโดยปริยายส่วนจุดสังเกตของ “พิมพ์ฐานคู่” มีดังนี้
๑.“ขอบข้างทั้งสี่ด้าน” มีเนื้อนูนหนาเป็นแนวตรงสวยงามได้สัดส่วนและขอบข้างช่วง “มุมองค์พระ” มีลักษณะมน (ไม่เป็นเหลี่ยม) ทั้งสี่มุมส่วน “เส้นซุ้มครอบแก้ว” แม้จะเส้นเล็กกว่า “พระสมเด็จวัดระฆัง” และ “พระสมเด็จวัดบางขุนพรหม” แต่แนวเส้นที่วาดโค้งด้านบนองค์พระมีสัดส่วนที่สวยงามกว่า
๒. “พระเกศ” (ผม) ลักษณะเป็นเส้นเรียวเล็กบางแต่มีความคมชัด “พระพักตร์” (หน้า) เป็นรูปทรงกลมมนนูนหนาเฉกเช่นพิมพ์ฐานสามชั้น “พระกรรณ” (หู) เป็นเส้นตรงแต่เรียวเล็กคมชัดและด้านขวาชิดพระพักตร์มากกว่าด้านซ้าย
๓. “พระอังสา” (ไหล่) เป็นแนวตรงลักษณะผึ่งผาย “พระอุระ” (อก) ลักษณะกว้างนูนหนาผึ่งผายในรูปทรงกระบอกและไม่ปรากฏเส้นสังฆาฏิ
๔. “พระพาหา” (แขน)ทั้งสองข้างลักษณะเป็นเส้นนูนเรียวยาวทิ้งดิ่งแนวตรง แล้วไปประสานกันเป็นรูปตัวยูหรือเกือกม้าส่วน “พระเพลา” (ตัก) ลักษณะคล้ายรูปเรือเพราะปลาย “พระชานุ” (เข่า) ทั้งสองข้างตัดเฉียงทแยงขึ้น
๕.“ฐาน” ทั้งสามชั้นเป็น “เส้นคู่” โดยฐานชั้นล่างของคู่บนสุดมีเส้นเรียวเล็กเชื่อมต่อถึงฐานชั้นแรกของฐานชั้นที่สองที่ยาวจรดเส้นซุ้ม เช่นกันกับฐานชั้นล่างของฐานชั้นที่สองก็มีเส้นเรียวเล็กเชื่อมต่อถึงฐานชั้นแรกของฐานชั้นที่สามที่ยาวจรดเส้นซุ้มเช่นกัน.
พุทธธัสสะ
ที่มา dailynews
|